ตาบอดสี (Color Blindness)

ตาบอดสี (Color Blindness) คือ ภาวะที่ความสามารถในการมองเห็นสีลดลงหรือการเห็นสีที่แตกต่างไปจากคนทั่วไป สาเหตุหลักเกิดจากความผิดปกติของเซลล์รับสีในจอประสาทตา ซึ่งมี 3 ชนิด คือ เซลล์รับแสงสีแดง เขียว และน้ำเงิน เมื่อเซลล์เหล่านี้ทำงานผิดปกติ จะทำให้การแยกแยะสีบางสีทำได้ยากขึ้น

ตาบอดสีเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์รับภาพในดวงตา ซึ่งมักเกิดจากพันธุกรรม พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง และตาบอดสีที่พบมากที่สุดคือตาบอดสีแดง

เซลล์รับสีบนจอประสาทตามี 2 ประเภท

Rod Cell เซลล์รูปแท่ง

เป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่ช่วยให้มองเห็นในที่แสงสลัว สีที่มองเห็นจะเป็นสีขาว-ดำ มีจำนวนประมาณ 125 ล้านเซลล์ในดวงตาแต่ละข้าง

ผู้ที่มีความบกพร่องของเซลล์รูปแท่ง = มีภาวะตาฟางในตอนกลางคืน

Cone Cell เซลล์รูปกรวย

เป็นเซลล์ที่มีความไวต่อแสงสี ทำหน้าที่ในการมองเห็นสี ช่วยให้จำแนกสีได้ มีจำนวนประมาณ 6-7 ล้านเซลล์ในดวงตาแต่ละข้าง

ผู้ที่มีความบกพร่องของเซลล์รูปกรวย = มีภาวะตาบอดสี**

ประเภทของเซลล์รูปกรวย

เซลล์รูปกรวยสีแดง (L Cone)

รับคลื่นแสงในช่วง 400-700 nm.

(ดีที่สุดช่วง 564-580 nm.)

เซลล์รูปกรวยสีเขียว (M Cone)

รับคลื่นแสงในช่วง 400-650 nm.

(ดีที่สุดช่วง 535-545 nm.)

เซลล์รูปกรวยสีน้ำเงิน (S Cone)

รับคลื่นแสงในช่วง 380-500 nm.

(ดีที่สุดช่วง 400-440 nm.)

กราฟเปรียบเทียบ ระดับการตอบสนองต่อคลื่นความยาวแสงของเซลล์รับสี(รูปกรวย) แต่ละประเภท

 เซลล์รูปกรวยสีแดง : ตอบสนองได้ดีที่สุดในช่วงคลื่น 564-580 nm.

 เซลล์รูปกรวยสีเขียว : ตอบสนองได้ดีที่สุดในช่วงคลื่น 535-545 nm.

 เซลล์รูปกรวยสีน้ำเงิน : ตอบสนองได้ดีที่สุดในช่วงคลื่น 400-440 nm.

ดังนั้นตาบอดสี จึงเป็นภาวะที่เกิดจากการมีเซลล์รับสีที่บกพร่อง หรือไม่มีเซลล์รับสีนั้นๆ

เราจึงจำแนกประเภทของตาบอดสีได้เป็น 3 ประเภท

มีเซลล์รับสีทั้ง 3 ประเภท (Trichromacy)

พบเซลล์รับสีทั้ง 3 ประเภท

แต่สีใดสีหนึ่งมีจำนวนน้อยกว่าปกติ

  • สีแดงน้อย = Protanomalous
  • สีเขียวน้อย = Deuteranomalous
  • สีน้ำเงินน้อย = Trianomalous

มีเซลล์รับสี 2 ประเภท (Dichromacy)

พบเซลล์รับสีเพียง 2 ประเภท

ขาดสีใดสีหนึ่งไป

  • ขาดสีแดง = Protanopia
  • ขาดสีเขียว = Deuteranopia
  • ขาดสีน้ำเงิน = Tritanopia

ไม่มีเซลล์รับสีเลย (Monochromacy)

คือภาวะที่มีเพียงเซลล์รูปแท่ง แต่ไม่มีเซลล์รูปกรวยเลย จึึงเรียกได้ว่า เป็นภาวะตาบอดสีทุกสี ทำให้ภาพที่เห็นจะเป็นสีขาว-ดำทั้งหมด

โทนสีที่คนปกติมองเห็น

Normal

มุมมองภาพของผู้ที่มีความบกพร่องของเซลล์รับสีแดง

Protanomalous

(เซลล์รับสีแดงน้อย)

Protanopia

(ขาดเซลล์รับสีแดง)

มุมมองภาพของผู้ที่มีความบกพร่องของเซลล์รับสีเขียว

Deuteranomalous

(เซลล์รับสีเขียวน้อย)

Deuteranopia

(ขาดเซลล์รับสีเขียว)

มุมมองภาพของผู้ที่มีความบกพร่องของเซลล์รับสีน้ำเงิน

Tritanomalous

(เซลล์รับสีน้ำเงินน้อย)

Tritanopia

(ขาดเซลล์รับสีน้ำเงิน)

มุมมองภาพของผู้ที่ไม่มีเซลล์รับสีเลย

Monochromacy

ตัวอย่างมุมมองภาพของคนตาบอดสีแต่ละประเภท

Normal

Protanomalous

Deuteranomalous

Tritanomalous

Monochromacy

Protanopia

Deuteranopia

Tritanopia

สาเหตุ

  • พันธุกรรม ที่ถ่ายทอดบนโครโมโซมX จึงทำให้ภาวะนี้เกิดในเพศชายมากกว่า
  • อายุ จากความเสื่อมของเซลล์ต่างๆภายในร่างกาย
  • โรคบางอย่างที่กระทบต่อการมองเห็น เช่น ต้อกระจก โรคเบาหวาน จอประสาทตาเสื่อม
  • อุบัติเหตุที่กระทบกระเทือนศีรษะรุนแรง
  • จากยา หรือสารเคมีบางชนิด

อาการ

  • การเห็นสีผิดเพี้ยน
  • แยกสีบางสีได้ยาก
  • ถูกจำกัดในการมองเห็นโทนสี

การดูแลตนเองเบื้องต้น

ภาวะตาบอดสี เป็นภาวะที่ไม่สามารถทำการรักษาได้ โดยเฉพาะตาบอดสีที่เกิดจากกรรมพันธุ์ เนื่องจากเป็นความผิดปกติของเซลล์รับสี ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวิธีการแก้ไข แต่หากเป็นภาวะที่เกิดจากการใช้ยา ผู้ป่วยควรอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตาบอดสี

A: วิธีการรักษาตาบอดสี?

Q: ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาในการมองเห็นสีกลับมาเป็นปกติ แต่มีอุปกรณ์ที่ช่วยในการแยกสีให้ง่ายขึ้น

A: ผู้ที่เป็นตาบอดสีมีข้อจำกัดในการทำอาชีพใดบ้าง?

Q: กลุ่มอาชีพที่ต้องสามารถแยกแยะสีได้อย่างแม่นยำ เช่น แพทย์เฉพาะทางบางสาขา เภสัชกร ผู้ควบคุมเครื่องจักร นักบิน

ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมี

A: ผู้ที่เป็นตาบอดสีสามารถขับรถได้หรือไม่?

Q: หากสามารถแยกแยะสีของสัญญาณไฟจราจรต่างๆได้ตามแบบทดสอบจากกรมขนส่งก็สามารถขับรถได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy